เมนู

เจ้า ทรงสรรเสริญอย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุสาวกของเรา
ตถาคตผู้เป็นพหูสูต มีคติ มีสติ มีธิติ เป็นพุทธอุปัฏฐาก อานนท์นี้เป็นยอดและ
สมควรแก่ภาวะที่พระธรรมเสนาบดีสรรเสริญไว้อย่างนี้ว่า ท่านพระอานนท
เป็นผู้ฉลาดในอรรถ เป็นผู้ฉลาดในธรรม เป็นผู้ฉลาดในพยัญชนะ เป็นผู้ฉลาด
ในภาษา เป็นผู้ฉลาดในบทต้นและบทปลาย จึงยังความเป็นผู้ใคร่จะฟังให้เกิด
แก่สัตว์ทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ ก็แลสูตรนั้น ไม่ขาดไม่เกิน
ทั้งโดยอรรถหรือโดยพยัญชนะ พึงเห็นว่า เป็นอย่างนี้นั้นแล ไม่พึงเห็นว่า
เป็นอย่างอื่น. บทว่า อญฺญถา ความว่า เป็นอย่างอื่นจากอาการที่ได้ฟังมา
เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ว่าไม่ใช่เป็นอย่างอื่น จาก
อาการที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง. ก็เทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า
มีอานุภาพเป็นอจินไตย เทศนานั้นใคร ๆ ไม่สามารถจะเข้าใจได้ครบทุกอย่าง
ความนี้ท่านกล่าวไว้ดังพรรณนามานี้แล. ก็การที่ไม่ผิดพลาดจากอาการที่ได้ฟัง
มาเป็นพลังแห่งความทรงจำ. ก็ในที่นี้ ไม่มีการใช้ความหมายอย่างอื่น เพราะ
ความหมายทั้งสองมีวิสัยเป็นอย่างเดียวกัน เพราะ เมื่อว่าโดยประการนอกนี้
พระเถระก็จะต้องเป็นผู้สามารถ หรือไม่สามารถในการรับเทศนาของพระผู้มี-
พระภาคเจ้า
โดยประการทั้งปวงแล.

เม ศัพท์ใช้ในอรรถ 3 อย่าง


เม

ศัพท์ปรากฏในอรรถ 3 อย่าง. จริงอย่างนั้น เม ศัพท์นั้น
มีความหมายว่า มยา ในประโยคเป็นต้นว่า โภชนะนี้อันเราขับกล่อม
คาถาได้มา จึงเป็นของไม่ควรบริโภค. มีความหมายว่า มยฺหํ (แก่เรา,
แก่ข้าพเจ้า, แก่ฉัน, แก่ข้าพระองค์) ดังในประโยคเป็นต้นว่า ข้าแต่พระองค์-
ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงทรงแสดงธรรม

แก่ข้าพระองค์แต่โดยย่อ. มีความหมายว่า มม (ของเรา, ของข้าพเจ้า, ของฉัน,
ของข้าพระองค์) ดังในประโยคเป็นต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขอเธอทั้งหลาย
จงเป็นธรรมทายาทของเราตถาคตเถิด. แต่ในที่นี้ประกอบในอรรถ 2 อย่าง
คือ อันข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้ว และการฟังมาของข้าพเจ้า ก็ในที่นี้ เม ศัพท์
ทั้ง 3 อย่าง แม้ถ้าจะปรากฏในความหมายอย่างเดียวกัน เพราะในเมื่อ
ควรจะกล่าวอย่างนี้ว่า บุคคลใดไม่ใช่บุคคลอื่น บุคคลนั้นก็คือตัวเราก็กลับ
เป็นไปในสันดานของตนกล่าวคือเกิดภายในตนไซร้ ถึงกระนั้น เม ศัพท์
นั้นก็ยังมีความหมายที่แตกต่างกันนี้อยู่แล กล่าวคือ แตกต่างกันโดยเป็น
ตติยาวิภัตติและจตุตถีวิภัตติเป็นต้น เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า เม ศัพท์
ปรากฏในความหมาย 3 อย่าง.

อธิบาย สุตะศัพท์


สุตะ ศัพท์ ในบทว่า สุตํ นี้ ที่มีอุปสรรคก็มี ที่ไม่มีอุปสรรคก็มี
แตกต่างโดยความหมายเป็นอเนกมีอาทิ คือ คมนะ. (การไป) วิสสุตะ (ฟัง)
กิลินนะ (เปียกชุ่ม) อุปจิตะ (สั่งสม) อนุยุตตะ (ตามประกอบ, บำเพ็ญ)
สุตวิญเญยยะ (รู้ได้ทางโสตะ) โสตทสารานุสาริวิญญาตะ (รู้ได้ตามกระแส
แห่งโสตทวาร) อธิบายว่า อุปสรรคเป็นตัวขยายกิริยา (ให้มีความหมาย)
พิเศษออกไปก็จริง ถึงกระนั้น เมื่ออุปสรรคนั้น แม้มีอยู่ เพราะขยายความ
ให้ สุตะ ศัพท์นั่นแล ก็ยังกล่าวถึงความหมายนั้น ๆ อยู่ เพราะเหตุนั้น
ในการยกความหมายของ สุตะ ศัพท์ที่ไม่มีอุปสรรคขึ้นมา (เป็นตัวอย่าง)
ท่านจึงยกเอาสุตะศัพท์ทีมีอุปสรรคขึ้นมา (เป็นตัวอย่าง) ด้วย. ในสุตะศัพท์
นั้นมีความหมายดังต่อไปนี้
1. มีความหมายว่า ไปในประโยคเป็นต้นว่า ไปในกองทัพ.